Blog
สีผิวไม่เท่ากัน ปัญหาหนักใจ แก้ไขอย่างไรดี?
เป็นปกติที่มนุษย์เราจะมีสีผิวไม่เท่ากัน บางครั้งก็อาจเกิดจากสภาพแวดล้อม บางครั้งก็เป็นที่พันธุกรรม และหลายครั้งก็อาจเป็นเพราะการที่ผิวมีบาดแผลจนต้องซ่อมแซมตัวเองขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ว่าจะสาเหตุใดก็ล้วนทำให้ขาดความมั่นใจได้ ดังนั้น การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีป้องกันไม่ให้สีผิวไม่เท่ากัน แต่ถ้าสีผิวไม่เท่ากันไปแล้วก็ยังมีวิธีรักษาเพื่อแก้ไขให้ผิวกลับมาสภาพใกล้เคียงเดิมที่สุด
ลักษณะของสีผิวไม่เท่ากัน มีรูปแบบไหนบ้าง?
สีผิวไม่เท่ากันมีหลายรูปแบบ อาทิ
- สีผิวไม่เท่ากันเป็นจุด ๆ ทั่วใบหน้า และ/หรือ ลำตัว เช่น ฝ้า กระ รอยดำ
- สีผิวไม่เท่ากันเป็นบางบริเวณ เช่น บริเวณใต้ร่มผ้ากับบริเวณที่สัมผัสกับแดด
- สีผิวไม่เท่ากันเป็นดวง ๆ วง ๆ กระจายทั่วผิว เช่น ด่างขาว
ทั้งนี้สีผิวที่ไม่เท่ากันนั้นอาจมีทั้งสีที่เข้มกว่าสีผิวเดิมไปตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนสีดำ และอาจมีสีที่อ่อนกว่าไปจนถึงสีขาว ทั้งนี้แต่ละลักษณะและแต่ละสีที่เกิดขึ้นมีสาเหตุที่แตกต่างกัน โดยจะไปอธิบายให้เห็นชัดกันในหัวข้อถัดไป
สีผิวไม่เท่ากัน เกิดจากสาเหตุและปัจจัยอะไร?
สีผิวไม่เท่ากันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุปัจจัย และสาเหตุนั้นก็สามารถก่อให้เกิดลักษณะสีผิวไม่เท่ากันได้หลายรูปแบบ ดังนี้
แสงแดด
แสงแดดเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดสีผิวไม่เท่ากัน ทั้งในรูปแบบสีผิวไม่เท่ากันเป็นจุด ๆ หรือสีผิวไม่เท่ากันจากบริเวณนอกร่มผ้า โดยรังสียูวีจากแสงแดดสามารถทำร้ายผิวเราได้ตั้งแต่ชั้นตื้นจนถึงชั้นลึก
- รังสี UVB เป็นรังสีที่ทำอันตรายผิวชั้นตื้น ก่อให้เกิดอาการผิวไหม้แดด สีผิวจากการสัมผัสรังสี UVB จะมีสีคล้ำแดง และทำให้ผิวคล้ำดำมากขึ้นจากการที่เม็ดสีเมลานินเพิ่มจำนวนเพื่อปกป้องผิว
- รังสี UVA เป็นรังสีที่อาจไม่ได้ทำให้ผิวไหม้ แต่สามารถทะลุลงไปยังผิวชั้นใน และทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ อันเป็นเหตุให้เกิดสีผิวไม่เท่ากันเป็นจุด ๆ อย่างฝ้า กระ รอยดำ เป็นต้น
ฮอร์โมน
ฮอร์โมนเป็นสิ่งที่กำหนดการทำงานระบบต่าง ๆ ในร่างกาย หากมีฮอร์โมนแปรปรวนก็อาจทำให้มีการทำงานที่ผิดปกติได้ ซึ่งในผู้ที่อายุมากขึ้นหรือผู้ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นมีความเสี่ยงต่อการแปรปรวนของฮอร์โมนสูง ซึ่งการที่มีฝ้า หรือผิวหมองคล้ำ เป็นหนึ่งในลักษณะของฮอร์โมนแปรปรวนที่คนกลุ่มนี้มักเจอ
พันธุกรรม
พันธุกรรมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สีผิวไม่เท่ากันได้ เช่นในบางรายที่ร่างกายสร้างสารไปกำจัดเซลล์เมลาโนไซต์ที่มีหน้าที่สร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้การแสดงออกของสีผิวแปลกไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นด่าง ๆ ไม่เท่ากัน
อายุ
เมื่ออายุมากขึ้น เป็นปกติที่การฟื้นฟูเซลล์และระบบในร่างกายจะค่อย ๆ ช้าและยากขึ้น เมื่อผิวเสื่อมสภาพหรือถูกทำร้าย ร่างกายจะกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาน้อยลง ทำให้เริ่มเห็นปัญหาสีผิวไม่เท่ากันชัดกว่าเมื่อวัยเยาว์ที่ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้ไว
ปัญหาผิวหนัง
ปัญหาผิวหนังอย่างเช่นสิวสามารถทำให้สีผิวไม่เท่ากัน เนื่องจากผิวที่มีการอักเสบนั้นจะไปกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์หรือเซลล์สร้างเม็ดสีไปสร้างเมลานินขึ้น ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสีที่ต่างจากจุดอื่น ซึ่งโดยส่วนมากมักจะเป็นสีน้ำตาลไปจนถึงน้ำตาลเข้ม
วิธีรักษาปัญหาสีผิวไม่เท่ากันด้วยตนเอง
การรักษาปัญหาสีผิวไม่เท่ากันด้วยตนเองจะเน้นการเสริมเกราะป้องกันให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น และสามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพพร้อมกับเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า เพื่อเผยผิวใหม่ที่มีความสม่ำเสมอ โดยวิธีที่จะกล่าวดังนี้สามารถปฏิบัติร่วมกันเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- การใช้สกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว แก้ปัญหาสีผิวไม่เท่ากัน
ในสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์เวชสำอางนั้นมักมีส่วนผสมที่มีผลต่อการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่หมองคล้ำ ทำให้เซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นมาแทนที่ อย่างเช่น Brightening Expert Intensive Serum เซรั่มผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนด้วยกรด PHA ลดอาการระคายเคืองพร้อมกับปรับผิวชั้นนอกให้ดูใสขึ้น และ Brightening Expert Pure Bright ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวพร้อมลดการอุดตันด้วยกรด BHA เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่เท่ากันจากรอยสิว
- การใช้สกินแคร์ลดจำนวนเม็ดสีเมลานิน
นอกจากสกินแคร์จะใส่สารสำคัญเพื่อผลัดเซลล์ผิวแล้ว ในบางตัวยังสามารถลดเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิวโดยรวมดูขาวกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น อย่างเช่น Absolute Light Cream ด้วยสารสำคัญอย่าง Arbumin, Kojic และ Licorice ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอกันมากขึ้น
- การสครับผิว
การสครับผิวเป็นอีกวิธีที่เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกด้วยวิธี่ทางกายภาพ โดยเม็ดสครับจะไปขัดลอกผิวหนังชั้นหนังกำพร้า เพื่อเอาเซลล์ผิวที่ตายออก พร้อมกับการกำจัดสิ่งสกปรกที่อาจไปตกค้างอยู่ในรูขุมขนออกมา ลดโอกาสการเกิดสิวจนทำให้สีผิวไม่เท่ากันอีกด้วย
สำหรับการรักษาปัญหาสีผิวไม่เท่ากันด้วยตนเองนั้นจะได้ผลลัพธ์กับสีผิวไม่เท่ากันจากความหมองคล้ำ หรือรอยดำจากสิว ฝ้าในระดับตื้น ๆ เท่านั้น หากเป็นปัญหาสีผิวไม่เท่ากันในลักษณะฝ้าลึก รอยสิวที่รุนแรง หรือเกิดจากเซลล์เม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ เช่น โรคด่างขาว อาจต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ต่อไป
วิธีรักษาปัญหาสีผิวไม่เท่ากันโดยแพทย์
สีผิวไม่เท่ากันสามารถดูแลด้วยตนเอง แต่ในบางกรณีก็อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและทำหัตถการโดยแพทย์ ซึ่งหากคุณต้องการได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็ว สามารถเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังพร้อมกับการดูแลผิวด้วยตนเองได้ โดยในหัวข้อนี้จะมาแนะนำวิธีรักษาปัญหาสีผิวไม่เท่ากันโดยแพทย์ ดังนี้
เลเซอร์หน้าใส แก้ปัญหาสีผิวไม่เท่ากัน
เลเซอร์หน้าใส เป็นหัตถการที่ใช้ลำแสงเลเซอร์ในการเข้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิว พร้อมกับการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่ม ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวจะมีสีสม่ำเสมอมากขึ้น และมีความแข็งแรงกว่าเดิม ซึ่งการทำเลเซอร์หน้าใสมักให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าการใช้สกินแคร์ เพียงแต่อาจมีเรื่องค่าใช้จ่าย ข้อควรระวัง และความสม่ำเสมอในการทำหัตถการ หากดูแลไม่ดีอาจทำให้สีผิวไม่เท่ากันมากกว่าเดิม
ผลัดเซลล์ผิว เปลี่ยนสีผิวไม่เท่ากัน ให้สม่ำเสมอกันมากขึ้น
การผลัดเซลล์ผิวกับแพทย์ มักจะเป็นหัตถการใช้สารเคมี (Chemical Peeling) ในการช่วยลอกผิวชั้นนอกออก เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปทันที ซึ่งมักใช้เพื่อลดรอยแผลเป็นจากสิว หรือจุดด่างดำที่ทำให้สีผิวไม่เท่ากัน แต่วิธีนี้มีผลข้างเคียงมาก ในปัจจุบันจึงไม่ค่อยนิยมใช้
วิธีป้องกันไม่ให้สีผิวไม่เท่ากัน ทำได้อย่างไร?
กันดีกว่าแก้… การป้องกันไม่ให้สีผิวไม่เท่ากันนั้นเป็นวิธีช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ เรียบเนียนได้ดีที่สุด ซึ่งเราขอแนะนำให้คุณดูแลและป้องกันผิวของตนเองดังนี้
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้จะอยู่ในที่ร่ม : เพราะในแสงอาทิตย์มีรังสี UVA, UVB ที่คอยลงไปทำลายถึงผิวชั้นลึก การใช้ครีมกันแดดจะช่วยลดโอกาสที่แสงยูวีจะเข้ามาทำลายผิวของคุณ อย่างเช่น Sun Screen Milky Lotion SPF 30 PA+++ ครีมกันแดดเนื้อบางเบา คนผิวแพ้ง่ายใช้ได้
- ทาครีมบำรุงผิวเพิ่มเกราะป้องกัน : การที่มีผิวสุขภาพดี ย่อมทำให้โอกาสผิวเสื่อมสภาพน้อยลง ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สีผิวไม่เท่ากันจึงควรทาครีมบำรุงเสริมความชุ่มชื้นและป้องกันเซลล์ถูกทำลายโดยมลภาวะ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง : ถึงแม้ว่าคุณจะทาครีมกันแดด แต่หากไม่จำเป็นจริง ๆ ไม่ควรจะเผชิญกับแสงแดดในที่โล่ง เพราะรังสียูวียังสามารถเล็ดลอดเข้ามาทำลายผิวได้อยู่ หากมีความจำเป็นก็แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าปิดผิวให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันสีผิวไม่สม่ำเสมอที่ระหว่างใต้ร่มผ้า
สีผิวไม่เท่ากัน ป้องกันและแก้ไขได้
หลายครั้งที่ปัญหาสีผิวไม่เท่ากันนั้นจะเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งตัว และอีกหลาย ๆ ครั้งที่รักษาสีผิวไม่เท่ากันได้ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากเราหมั่นปกป้องและดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดโอกาสที่สีผิวจะไม่เท่ากันจนต้องมาหาวิธีรักษา ซึ่งก็มักจะใช้เวลารักษานานกว่าจะกลับมามีสีผิวใกล้เคียงกันอีกครั้ง
ให้ Romrawin Cosmetics ดูแลและปกป้องผิวของคุณจากปัญหาสีผิวไม่เท่ากันด้วย Sun Screen Milky Lotion SPF 30 PA+++ ครีมกันแดดเนื้อบางเบา ที่จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และครีมบำรุงผิว Absolute Light Cream ลดเม็ดสีเมลานิน ปรับผิวกระจ่างใสทั่วหน้า ใช้คู่กับ Spot Limited แต้มบริเวณที่สีผิวไม่เท่ากันเฉพาะจุด เพื่อเร่งผิวเนียนใสสม่ำเสมอ
บทความล่าสุด