ไขข้อสงสัย SPF คืออะไรกันแน่? พร้อมแนะนำวิธีเลือกครีมกันแดดอย่างเหมาะสม

SPF คือ

หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับค่า SPF กันดีอยู่แล้ว เพราะมักจะติดอยู่บนฉลากผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเสมอ แต่ทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วค่า SPF คืออะไร ครีมกันแดดที่ดีจำเป็นต้องมี SPF สูง ๆ หรือไม่? บทความนี้ Romrawin Cosmetics จะพาคุณมาไขคำตอบไปด้วยกัน พร้อมแนะนำเทคนิคการเลือกครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ

สารบัญบทความ

ค่า SPF คืออะไร

ค่า SPF คือ

SPF คืออะไร? SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor คือค่าที่บ่งบอกความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันรังสี UVB จากแสงแดด เพื่อปกป้องไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจนเกิดปัญหาผิวแดงหรือผิวไหม้แดด ปกติแล้วครีมกันแดดจะมีค่า SPF อยู่ที่ 2-50 ซึ่งจะดูดซับรังสี UVB ได้แตกต่างกัน ครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากจะช่วยให้ผิวทนแดดได้นานมากขึ้นด้วย

ค่า SPF กับการทดสอบครีมกันแดด

หลายคนอาจสงสัยว่าค่า SPF มาจากไหน? ค่า SPF คือค่าที่มาจากการทดสอบในห้องทดลอง โดย SPF จะเป็นการทดสอบสภาพผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดจนเกิดภาวะผิวหนังแดง (erythema) ซึ่งการทดสอบนี้จะแบ่งกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับการทดสอบเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้เข้ารับการทดสอบที่ทาครีมกันแดด และกลุ่มที่ไม่มีการทาครีมกันแดด

การทดสอบ

การทดสอบครีมกันแดดเริ่มต้นจากการปล่อยแสงที่มีทั้งรังสี UVA และ UVB จากเครื่อง Solar ไปที่ผิวหนังของกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม เมื่อเวลาผ่านไป 16-24 ชั่วโมงจึงอ่านผลการทดสอบ แล้วนำไปคำนวณค่า SPF ออกมา ซึ่งสูตรที่ใช้คำนวณค่า SPF คือ 

SPF = ปริมาณแสงน้อยที่สุดที่ทำให้เกิดรอยแดงขณะใช้ครีมกันแดด
ปริมาณแสงน้อยที่สุดที่ทำให้เกิดรอยแดงในขณะที่ไม่ได้ใช้ครีมกันแดด

จากการทดสอบพบว่า ผิวหนังบริเวณที่ทาครีมกันแดดปรากฏรอยแดงบนผิวน้อยกว่าบริเวณผิวที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด ดังนั้น SPF จึงเป็นค่าที่ใช้บอกความสามารถในการป้องกันสี UVB นั่นเอง

SPF ในครีมกันแดดป้องกันรังสีอะไร

ค่า SPF ในครีมกันแดด คือสิ่งที่จะช่วยป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดชนิด UVB ตัวการทำร้ายผิวจนเกิดเป็นผิวไหม้แดด รอยดำรอยแดงบนผิว นอกจากนี้หากผิวได้รับรังสี UVB เป็นระยะเวลานานอาจไปกระตุ้น DNA เซลล์ผิวหนังให้แปรสภาพกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ในอนาคต

ค่า SPF กับค่า PA ในครีมกันแดดต่างกันอย่างไร

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าค่า SPF คือ ค่าที่บอกถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVB ส่วนค่า PA (Protection Grade of UVA) ในครีมกันแดดคือค่าที่ใช้บอกความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ที่จะเข้ามาทำร้ายผิวจนทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ หรือทำให้เกิดผิวแก่ มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร

ค่า SPF และค่า PA สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากแค่ไหน

sun protection factor คือ

แม้บนฉลากผลิตภัณฑ์กันแดดมักจะเขียนค่า SPF และ PA มาคู่กัน แต่ทั้ง SPF และ PA คือค่าที่บอกให้รู้ว่ามีหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสียูวีต่างชนิดกัน ซึ่ง Romrawin Cosmetics จะพาคุณมาดูว่าค่า SPF และค่า PA จะสามารถปกป้องผิวได้เท่าไหร่ ดังนี้

ค่า SPF ป้องกันรังสี UVB ได้มากน้อยแค่ไหน

แม้ว่าค่า SPF สูงจะช่วยป้องกันรังสี UVB ได้นานขึ้น แต่ก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายขึ้น หรือทำให้เนื้อครีมหนักมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสม ซึ่งค่า SPF แต่ละระดับเหมาะกับกิจกรรมที่แตกต่างกันไป ดังต่อไปนี้ 

  • ค่า SPF 8 ดูดซับรังสี UVB ได้ประมาณ 87.5% เนื่องจากมีค่า SPF ที่ต่ำ จึงเหมาะกับกิจกรรมหรือสถานที่ที่ไม่มีแสงแดด 
  • ค่า SPF 15 ดูดซับรังสี UVB ได้ประมาณ 93.3% เหมาะกับกิจกรรมภายในที่ไม่โดนแสงแดด เช่น บ้าน อาคาร หรือตึกต่าง ๆ ทั้งยังเหมาะกับผู้ที่มีผิวสองสีหรือผิวสีน้ำผึ้งด้วย 
  • ค่า SPF 30 ดูดซับรังสี UVB ได้ประมาณ 96.7% เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเงาร่มและแดดไม่แรงมากนัก ผู้ที่มีผิวขาวเหลืองสามารถใช้ค่า SPF ระดับนี้ได้  
  • ค่า SPF 45 ดูดซับรังสี UVB ได้ประมาณ 97.8% เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่มีแดดจัด และเหมาะกับผู้ที่มีผิวขาวอมชมพูที่มีโอกาสเกิดผิวหมองคล้ำหรือผิวไหม้แดดได้ง่าย
  • ค่า SPF 50 ดูดซับรังสี UVB ได้ประมาณ 98% เหมาะกับการทำกิจกรรมท่ามกลางแดดจัด และผู้ที่มีผิวขาวจัดควรใช้ค่า SPF ระดับนี้เป็นต้นไป

ค่า PA ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างไร

ค่า PA ในครีมกันแดด คือค่าที่ปกป้องผิวจากรังสี UVA โดยจะใช้เครื่องหมายบวก (+) แสดงจำนวนเท่าที่สามารถปกป้องผิวได้ ดังนี้ 

  • ค่า PA+ ปกป้องผิวได้มากกว่าผิวปกติที่ไม่ทาครีมกันแดดได้ 2 เท่า เหมาะกับการทำกิจกรรมในร่มหรือภายในอาคาร เช่น อยู่ที่บ้าน สถานที่ทำงาน เป็นต้น
  • ค่า PA++ ปกป้องผิวได้มากกว่าผิวปกติในระดับปานกลางหรือประมาณ 4 เท่า เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่มีแดดจัด เช่น การวิ่งจ๊อกกิ้งในตอนเช้า
  • ค่า PA+++ ปกป้องผิวได้มากกว่าผิวปกติประมาณ 8-16 เท่า จึงเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดจัด เช่น การเดินป่า, การทำกิจกรรม Outdoor, การไปทะเล หรือการท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ เป็นต้น 

เลือกครีมกันแดดจากค่า SPF อย่างเดียวได้หรือไม่

แม้ว่าค่า SPF คือสิ่งสำคัญในการเลือกครีมกันแดด แต่หากต้องการปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA ด้วย เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ถูกรังสี UVA และ UVB จากทั้งแสงแดดและแสงสีฟ้า (HEVIS)ทำร้าย จนผิวหมองคล้ำ, ผิวไหม้แดง, ผิวแก่ก่อนวัย ตลอดจนเกิดจุดด่างดำ กระ และฝ้า โดยเฉพาะฝ้าแดดที่ยากจะรักษาให้หายขาดได้ โดยสามารถพิจารณาการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • กิจกรรมที่ต้องทำ เช่น การออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก การว่ายน้ำที่ต้องใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี หรือแม้แต่การทำงานภายในอาคาร เป็นต้น 
  • สถานที่ เช่น หากอยู่ในสถานที่ปิดหรืออยู่ในร่ม สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และค่า PA ที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งในสถานที่แดดจัด
  • สภาพผิว เช่น ผู้ที่ผิวมันควรใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาและไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้หน้ามันมากขึ้น ผู้ที่มีผิวแห้งอาจเลือกครีมกันแดดที่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เป็นต้น

ทาครีมกันแดดให้ถูกต้อง ปกป้องผิวจากแสงแดด

เพื่อให้ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากสิ่งสำคัญอย่างการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม หรือมีค่า PA และ SPF ที่เพียงพอแล้วก็คือ การทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธี โดยมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้

  • ทาก่อน : ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดหรือออกไปทำกิจกรรมข้างนอกประมาณ 15-30 นาที
  • ทาหนา : ทาครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอ โดยใช้ครีมสำหรับทาหน้าและคอในปริมาณ 2 ข้อนิ้ว หรือแบ่งทาครีมทีละ 1 ข้อนิ้วซ้ำสองครั้ง 
  • ทาซ้ำ : ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ อาจส่งผลให้เสียเหงื่อมากหรือเกิดการเสียดสีบริเวณผิว ซึ่งจะทำให้ครีมกันแดดถูกชะล้างออกจากผิวได้ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับค่า SPF

SPF 30 กับ SPF 50 ต่างกันอย่างไร

SPF 30 คือค่าที่สามารถดูดซับรังสี UVB ได้ประมาณ 96.7% ในขณะที่ SPF 50 ดูดซับรังสี UVB ได้ประมาณ 98% ซึ่งแม้จะต่างกันไม่มาก แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน โดยครีมกันแดด SPF 30 จะเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่ค่อยมีแดดร้อนมากนัก ส่วนครีมกันแดด SPF 50 จะเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดแรง ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวได้ดีกว่า

จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงหรือไม่

เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ ครีมกันแดดที่ควรใช้ต้องมี SPF เท่าไหร่? บางคนอาจเข้าใจว่าค่า SPF สูง ๆ คือครีมกันแดดที่ปกป้องผิวได้ดี แต่แท้จริงแล้วประสิทธิภาพของครีมกันแดดไม่ได้ขึ้นอยู่กับ SPF เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น คุณสมบัติกันน้ำ, เนื้อครีม, สภาพผิวของผู้ใช้ ตลอดจนกิจกรรมที่ทำ ดังนั้นแม้จะใช้ครีมกันแดดค่า SPF สูงก็ไม่ได้หมายความว่าจะปกป้องผิวได้ดีเสมอไป อีกทั้งหากเป็นผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ยิ่งใช้ครีมกันแดด SPF มาก ๆ ก็จะยิ่งระคายเคืองได้ง่ายเช่นกัน

ครีมกันแดด SPF 50 ปกป้องผิวได้กี่ชั่วโมง

โดยเฉลี่ยแล้วผิวหนังของคนเราสามารถทนทานแสงแดดได้ประมาณ 15 นาที หากต้องการทราบว่าค่า SPF 50 อยู่ได้กี่ชั่วโมง สามารถลองคิดได้ง่าย ๆ โดยนำค่า SPF 50 X เวลา 15 นาที ก็จะได้เวลาที่ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวได้ นั่นคือ 50 X 15 นาที ซึ่งจะเท่ากับเวลา 750 นาที หรือประมาณ 12 ชั่วโมง 30 นาทีนั่นเอง

สรุป SPF คือสิ่งจำเป็นในครีมกันแดดที่คุณควรใส่ใจ

SPF คือค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVB จากแสงแดด เพื่อไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจนเกิดปัญหาผิวตามมา การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม นอกจากต้องพิจารณาค่า SPF แล้ว ยังต้องมีค่า PA เพื่อป้องกันรังสี UVA ด้วย ทั้งยังควรคำนึงถึงกิจกรรม สถานที่ และสภาพผิวของตนเองอีกเช่นกัน

สำหรับใครที่กำลังมองหาครีมกันแดดปกป้องผิวหน้าอยู่ ขอแนะนำครีมกันแดดจาก Romrawin Cosmetics ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังกว่า 20 ปี โดยมีทั้งหมด 3 สูตรให้คุณได้เลือกใช้อย่างเหมาะสม ได้แก่ Ultra Sun Protection SPF 50 PA +++, Sunscreen Milky Lotion SPF 30 PA +++, Sun Shield Silky Cream SPF 50 PA +++ ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดคุณภาพมากมาย พร้อมปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดอย่างอ่อนโยน

Romrawin Cosmetics ปรนนิบัติผิวให้สุขภาพดีด้วยเวชสำอาง ที่คิดค้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังกว่า 20 ปี
Shopping cart
Start typing to see products you are looking for.
Shop
0 Wishlist
0 items Cart
My account

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ตรงกับความสนใจของคุณ
    Cookies Details

บันทึกการตั้งค่า