Blog

รู้จัก “ฝ้าตรงโหนกแก้ม” ปัญหาผิวที่ไม่ควรมองข้าม

ฝ้าตรงโหนกแก้ม

น้อยคนที่จะรู้ว่าฝ้าตรงโหนกแก้มเกิดจากอะไร แท้จริงแล้วสาเหตุส่วนหนึ่งของการเกิดฝ้ามาจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณรู้สึกเสียความมั่นใจอีกด้วย ยิ่งถ้าหากทิ้งไว้นานก็มีโอกาสฝ้าเข้มขึ้น การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีกขั้น

สารบัญบทความ

ฝ้าตรงโหนกแก้มเกิดจากอะไร? 

สาเหตุหลักของการมีฝ้าที่โหนกแก้มเกิดจากการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากรังสียูวีเป็นอันตรายต่อผิว ร่างกายคนเราจึงมีกระบวนการกระตุ้นเม็ดสีเมลานิน (Melanin Pigments) มากกว่าปกติเพื่อปกป้องผิว แต่เม็ดสีเมลานินนั้นเป็นตัวการที่ทำให้ผิวคล้ำ 

การสัมผัสกับแสงแดดนาน ๆ นอกจากจะทำให้ผิวหมองคล้ำลงแล้ว ยังส่งผลให้สภาพผิวบอบบางมากขึ้นและเซลล์ผิวเสื่อมสภาพลง ผู้ที่โดนแสงแดดเป็นประจำหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานจึงเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

ฝ้าตรงโหนกแก้มยังมีสาเหตุเกิดจากระดับฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกับการเกิดฝ้าฮอร์โมน หากฮอร์โมนอยู่ในระดับไม่สมดุลจะส่งผลต่อการผลิตเม็ดสีเมลานิน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิงที่มีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนค่อนข้างบ่อยในช่วงมีประจำเดือน, หมดประจำเดือน, ภาวะตั้งครรภ์ ตลอดจนช่วงรับประทานยาคุม

ฝ้าตรงโหนกแก้มมีกี่ชนิด?

ฝ้าฮอร์โมนเป็นแบบไหน

ฝ้าที่หน้ามีแบบไหนบ้าง? โดยทั่วไปแล้วฝ้าตรงโหนกแก้มมีหลากหลายชนิดเลยทีเดียว ซึ่งลักษณะของฝ้าแต่ละชนิดล้วนมีรายละเอียดแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องเลือกวิธีรักษาฝ้าให้เหมาะสมกับชนิดฝ้าด้วย เบื้องต้นคุณสามารถพิจารณาชนิดของฝ้าที่โหนกแก้มตามข้อมูลดังต่อไปนี้

  • ฝ้าลึก (Dermal)เป็นฝ้าที่เกิดในผิวชั้นลึกกว่าชั้นหนังกำพร้า มีขอบเขตไม่ชัดเจน สีฝ้าค่อนข้างจางกลืนไปกับผิวหนัง ฝ้าตรงโหนกแก้มชนิดนี้รักษาให้หายยากกว่าฝ้าตื้น
  • ฝ้าตื้น (Epidermal) บริเวณโหนกแก้มอาจเกิดฝ้าตื้นได้เช่นกัน โดยเกิดที่ผิวหนังชั้นนอก มีสีน้ำตาลและเห็นขอบชัดเจน รักษาให้จางลงด้วยการกระตุ้นผลัดเซลล์ผิว 
  • ฝ้าแดด (Sunburn) มีสาเหตุหลักจากการโดนแสงแดดเป็นประจำ มีลักษณะเป็นปื้นน้ำตาล แตกต่างจากฝ้าเลือดที่มีลักษณะเป็นปื้นแดงไปจนถึงน้ำตาลเข้ม โดยมองเห็นเส้นเลือดฝอยปรากฏอย่างชัดเจน มีโอกาสสีเข้มขึ้นหากไม่รีบรักษาฝ้าแดด 
  • ฝ้าสเตียรอยด์ ฝ้าชนิดหนึ่งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ (Steroids) อย่างกลุ่มเครื่องสำอางหรือครีมเร่งผิวขาวเป็นเวลานาน ทำให้ผิวหน้าบางลงจนเกิดฝ้าตรงโหนกแก้ม

ทำไมถึงพบฝ้าขึ้นตรงโหนกแก้มบ่อย 

สาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดฝ้าโดยเฉพาะที่โหนกแก้มนั้น อาจเป็นเพราะบริเวณแก้มเป็นส่วนที่ผิวโดนแสงแดดมากที่สุด หากไม่ได้ทาครีมกันแดดเป็นประจำก็ยิ่งส่งผลให้มีโอกาสเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป นอกจากนี้ การสครับหน้าเป็นประจำเพื่อผลัดเซลล์ผิวจะทำให้ผิวหน้าบางลง หากโดนแสงแดดเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน โดยคุณสามารถสังเกตอาการเริ่มต้นของฝ้าได้จากผิวหน้าค่อย ๆ มีรอยคล้ำสีอ่อนหรือรอยดำลักษณะเป็นปื้น นั่นคือสัญญาณเริ่มต้นของการเป็นฝ้าตรงโหนกแก้ม

ฝ้าตรงโหนกแก้ม ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะหาย 

ปัจจุบันการรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มและฝ้าชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างถาวร ทำได้เพียงรักษาฝ้าให้จางน้อยลง ลดการแพร่กระจายของฝ้า พร้อมฟื้นฟูผิวหน้าให้แข็งแรงเพื่อลดโอกาสการกลับมาของฝ้า โดยทั่วไปแล้วฝ้าตรงโหนกแก้มจะใช้ระยะเวลารักษาให้จางลงประมาณ 1-2 สัปดาห์ 

ทั้งนี้ ระยะเวลาการรักษาให้ฝ้าตรงโหนกแก้มจางลงนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นชนิดของฝ้า, วิธีการรักษาที่เหมาะสม, สภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคล, การดูแลตนเองหลังกระบวนการรักษาฝ้า ตลอดจนการเลือกใช้ครีมทาฝ้าที่ได้มาตรฐาน มีส่วนผสมจากธรรมชาติและอ่อนโยนต่อผิวหน้า ดังเช่นผลิตภัณฑ์จาก Romrawin Cosmetics โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้านผิวหนังเฉพาะทาง

ฝ้าตรงโหนกแก้มรักษาอย่างไรได้บ้าง?

รักษาฝ้าตรงโหนกแก้ม

ฝ้าโหนกแก้มสามารถรักษายังไงได้บ้าง? ปัจจุบันการรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มสามารถทำได้หลายวิธี โดยพิจารณาตามชนิดของฝ้าและสภาพผิวหน้าของผู้เข้ารับบริการ ซึ่งวิธีการรักษาฝ้าบริเวณโหนกแก้มมีด้วยกันดังนี้

รักษาฝ้าตรงโหนกแก้มด้วยใช้สกินแคร์ที่ได้มาตรฐาน

ผู้ที่ประสบปัญหาฝ้าตรงโหนกแก้มควรหลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีสารประกอบทำให้ผิวบางหรือส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพอย่างสารปรอท (Mercury) ยาไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) แนะนำให้เลือกสกินแคร์และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิว ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงอย่าง Intensive Serum และ Absolute Light Cream ของ Romrawin Cosmetics ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ตลอดจนบรรเทาอาการฝ้าให้จางลง 

ใช้ยารักษาฝ้าตรงโหนกแก้ม 

อีกหนึ่งวิธีในการรักษาฝ้าด้วยตัวเองก็คือ การใช้ยารักษาฝ้าตรงโหนกแก้มภายใต้คำแนะนำของแพทย์ด้านผิวหนังเฉพาะทาง ซึ่งยารักษาฝ้านั้นมีทั้งรูปแบบยาทาและยารับประทาน ซึ่งช่วยให้ฝ้าจางลงด้วยการยับยั้งการผลิตของเม็ดสีใต้ผิวหนัง โดยส่วนใหญ่แล้วกลุ่มยารักษาฝ้าจะมีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Topical Retinoids หรือ Retinoic Acid), กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid), วิตามิน A และวิตามิน C เป็นต้น

รักษาฝ้าตรงโหนกแก้มด้วยการฉีดเมโส 

หนึ่งในวิธีรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มที่ได้รับความนิยมสูงคือ การฉีดเมโส (Mesotheraphy) เป็นหัตถการที่ใช้สารสกัดและสารบำรุงจากวิตามินฉีดลงไปที่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง เพื่อลดการทำงานของเซลล์เม็ดสีเมลานิน ลดการลุกลามของฝ้า และทำให้ฝ้าจางลง นอกจากนี้ การฉีดเมโสยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ลดโอกาสการกลับมาเกิดฝ้าได้เช่นกัน 

รักษาฝ้าตรงโหนกแก้มด้วย IPL

ทำไงให้ฝ้าหายหรือจางน้อยลงกว่าเดิมได้บ้าง? การรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มด้วยการทำ IPL ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมเช่นกัน ซึ่งการทำ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นการใช้แสงที่มีพลังงานต่ำยิงลงไปที่ผิวหนังที่เป็นฝ้า โดยให้ความร้อนของแสงทำลายโปรตีนของเม็ดสีใต้ชั้นผิว แต่ไม่ทำให้ผิวโดยรอบได้รับผลข้างเคียง ส่งผลให้ฝ้าจางลงได้ นอกจากนี้ การรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มด้วย IPL ยังช่วยกระตุ้นการการสร้างคอลลาเจนให้ริ้วรอยแดงดูจางลงเช่นกัน

รักษาฝ้าตรงโหนกแก้มด้วยเลเซอร์

การรักษาฝ้าตรงโหนกแก้มด้วยเลเซอร์สามารถทำได้ด้วยการใช้พลังงานเลเซอร์ชนิดไม่มีแผล หรือ Non-Ablative Laser ที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเม็ดสีได้อย่างตรงจุด ทำให้ฝ้าจางลงจนสีผิวสม่ำเสมอกับผิวบริเวณอื่น นอกจากนี้ การทำเลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ การเลเซอร์ฝ้าที่โหนกแก้มมีหลากหลายรูปแบบ ก่อนตัดสินใจทำจึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางร่วมด้วย

วิธีการป้องกันฝ้าตรงโหนกแก้ม

วิธีป้องกันฝ้าตรงโหนกแก้ม

การเรียนรู้วิธีป้องกันฝ้าตรงโหนกแก้มนอกจากจะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าได้แล้ว ยังส่งผลให้ผิวของคุณมีสุขภาพดี ฟื้นฟูความแข็งแรง และความชุ่มชื้นแก่ผิวอีกด้วย ซึ่งสามารถปฏิบัติตามได้ดังต่อไปนี้

  • ป้องกันการเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มด้วยการใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอก่อนออกแดด โดยเป็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ เป็นต้นไป หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้อุปกรณ์เสริมป้องกันแสงแดดโดยเฉพาะ เช่น ร่มกันแสง UV หมวกปีกกว้าง 
  • ใช้ครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง เสริมสุขภาพผิวดี โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอ่อนโยนต่อผิว มีส่วนผสมที่ช่วยลดความเข้มของฝ้าให้จางลง
  • ขัดผิวหรือสครับผิวหน้าเป็นบางครั้งเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออก ช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้า กระได้
  • เลือกทานอาหารอาหารที่ให้วิตามินสูงควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า เช่น วิตามิน A, C, E, B12 เป็นต้น เพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดรอยฝ้า และลดโอกาสการลุกลามของฝ้าไปยังบริเวณอื่น ๆ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน มีสารเคมีที่ทำร้ายผิวอย่างครีมเร่งผิวขาว
  • ระมัดระวังในการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวเพิ่มมากขึ้นจนเกิดฝ้าตรงโหนกแก้ม เช่น ยาคุมกำเนิด

สรุป ข้อควรรู้เกี่ยวกับฝ้าตรงโหนกแก้ม

ผู้ที่โดนแสงแดดเป็นเวลานานอาจทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพลงและผิวบอบบางจนเกิดฝ้าตรงโหนกแก้มได้ เพราะผิวบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่โดนแสงแดดมากที่สุด อีกทั้งความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนก็ส่งผลโดยตรงต่อการเกิดฝ้าบนโหนกแก้มซึ่งส่งผลต่อความสวยงามและทำให้สูญเสียความมั่นใจได้เช่นกัน 

การรักษาฝ้าจึงควรปรึกษากับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและชนิดของฝ้าตรงโหนกแก้ม ตลอดจนแนะนำการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าและฟื้นฟูผิวที่อ่อนโยนต่อผิว มีสารสกัดจากธรรมชาติดังเช่นผลิตภัณฑ์ Absolute Light Cream และ Intensive Serum ของ Romrawin Cosmetics เพื่อให้รอยฝ้าดูจางลง ผิวหน้าแข็งแรง สู่ผิวที่เนียนใสในอนาคต

Romrawin Cosmetics ปรนนิบัติผิวให้สุขภาพดีด้วยเวชสำอาง ที่คิดค้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังกว่า 20 ปี
Shopping cart
Start typing to see products you are looking for.
Shop
0 Wishlist
0 items Cart
My account